ตลอดเวลาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เขาคอยเฝ้าฝึกซ้อมและพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ขยันและเชื่อฟังโค้ชตลอด ทำให้แววของเขาเริ่มเฉิดฉายออกมา ตั้งแต่ปี 2006-2009 เขาทำคะแนนได้สูงสุดในมหาวิทยาลัยได้ถึง 2,635 คะแนน โดยยิง3แต้มได้ถึง 414 คะแนนและทำแต้มเกิน 30 แต้มมากถึง 30 เกม เกิน 40 แต้มถึง 3 เกมแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน

กระทั่งในปี 2009 เขาถูกเลือกดราฟท์ เข้าทีม Golden State Warriors ฟันค่าสัญญา 12.7 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสัญญา 4 ปี และในปีแรกเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งยิงทั้งจ่าย โดยในปีแรกทำสถิติไป เฉลี่ย 17.5 คะแนน 5.9 แอสซิสต์ต่อเกม และคว้าดาวรุ่งยอดเยี่ยม อันดับ2ไปครอบครอง

และในปี 2011 ชีวิตสู้กลับ เขาบาดเจ็บที่ข้อเท้า ทำให้ลงเล่นแค่ 26 เกม แต้มเฉลี่ยลดลง 14.7 คะแนน หลังจากผ่านฤดูอันเลวร้าย ปี 2012 เขาก็ได้สัญญาใหม่โดยมีมูลค่าถึง 44 ล้านเหรียญ อีกทั้ง Golden State ก็สร้างทีมโดยมีเขาเป็นแกนหลัก และได้คว้า K. Thompson จอมแม่น มาร่วมทีม และเขาก็สามมารถประสานงานกับเคอรี่ได้อย่างเข้าขากันมากจนได้ฉายา The Splash Brothers โดยเขาทำ 54 แต้มในเกมเดียว และยิง 3 แต้มมากสุดใน 1 ฤดูกาลถึง 272 ครั้ง

ในปี 2014 Curry ฟอร์มฮ็อตและร้อนแรงสุดๆ โดยทำสถิติทำสามแต้มครบ 1,000 คะแนนรวดเร็วสุดและใช้เวลาพียง 369 เกมพาทีม Golden ชนะมากสุดถึง 67 เกม พาGoldenคว้าแชมป์NBA ในปี 2014-2015 และได้รับคะแนนโหวตให้เป็นผู้เล่นยอดยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล ด้วยสถิติเฉลี่ย  23.8 คะแนนกับ 7.7 แอสซิสต์ต่อเกม

แน่นอนว่าความสุดยอดของเคอรี่นั้นเกิดจากความขยันฝึกขยันซ้อมและซ้อมอย่างหนัก เขาจะซ้อมทำแต้มในทุกมุมของสนาม และมีเทคนิกที่ไม่เหมือนใคร โดยเขาจะกระโดดและเมื่อถึงจุดสูงสุดเขาจะปล่อยลูก ทำให้เขาแทบจะไม่โดนบล็อกเลย ต่างจากนักบาสคนอื่นๆ

และ Curry เป็นหนึ่งในนักบาสที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทั้งรางวัล MVP และยังคว้าแชมป์ NBA 4 สมัยในปี 2015, 2017, 2018 และล่าสุดปี 2022 ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความมุ่งมั่นตั้งใจของเขาเอง สมกับฉายา ชู๊ตเตอร์ แห่งยุคของจริง